วันจันทร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2556

วิธีตรวจสอบ iphone 5 เช็คสภาพเครื่องก่อนออกจากศูนย์/ร้าน + การเลือกซื้อไอโฟน 5 มือ 1,2


1. ตรวจสอบสภาพกล่อง :
 กล่องของ iPhone 5 จะต้องปิดสนิทไม่มีรอยแกะ ซีลพลาสติกอยู่ครบทุกด้าน กล่องไม่บุบไม่มีฉีกขาด ** ในกรณีซื้อเครื่องหิ้วหรือ 
ร้านด้านนอกเช่น MBK ให้ดูรายละเอียดอื่นๆ ต่อไปเพราะว่าเดี๋ยวนี้มีเครื่องซีลเนียนเหมือนออกจากศูนย์เลย

2. ตรวจสอบอุปกรณ์เสริม : ทำการตรวจสอบอุปกรณ์เสริมภายในกล่อง โดย iPhone 5 จะมีอุปกรณ์เสริมตามรายการดังนี้ ** หากมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดขนาดหายไปให้เปลี่ยนตัวใหม่ทันที
 
คู่มือเอกสารการใช้งาน iPhone 5
ที่จิ้มถาดซิมการ์ด (ทำจาก Liquid Metal)
หูฟัง EarPods (มาพร้อมแพ็คเกจและฝากปิดสนิท)
Adapter อแดปเตอร์ที่ใช้งานกับประเทศไทย (ไม่ใช่ 3 ขา)
USB Lightning Cable สายดาต้าซิงค์ แบบ 8-Pin
3. ตรวจสอบสภาพภายนอก :
 
เขย่า : การเขย่า iPhone 5 จะต้องไม่มีเสียงใดๆ เลย ตัวเครื่องและภายในจะต้องแน่นสนิทไม่มีเสียง ก๊อกแก๊ก กิ๊กๆ กลุ๊กๆ ใดๆ ทั้งสิ้น
 
รอยขีดข่วน : ถึงแม้ว่า iPhone 5 สีดำจะเกิดรอยง่ายมากเนื่องจากวัสดุในการผลิต (Anodized aluminium) แต่ถึงแม้จะเป็นรอยง่ายขนาดไหนก็ต้องห้ามเป็นตั้งแต่ออกมาจากกล่องนะครับ (สีขาวก็ใช่ว่าจะไม่มี ตรวจสอบให้ดีครับ) หากมีกันลอยให้ลอกออกเพื่อดูลอยขนแมวด้วยนะครับ บางคนมาลอกที่บ้านแล้วเจอเพียบเลย
ขอบตัวเครื่อง : ตัวเครื่องต้องแนบสนิทไม่มีรอแตก หรือรอยแยก (เปิดอ้า) ไม่มีรอยร้าว ที่สำคัญต้องไม่มีปัญหาแสงรั่ว (Light Leak) จากของทั้ง 4 ด้าน สำคัญตรงส่วนบนปุ่ม Home ที่เจอปัยหามากที่สุดในล็อตแรก
ปุ่ม : ปุ่มบนเครื่อง iPhone 5 ต้องแนบสนิทกดปุ๊บ ติดปั๊บ ไม่ติดมีขัด ไม่มีหลวม เราต้องตรวจสอบปุ่มทั้งหมด 4 จุดได้แก่
 
Sleep/Wake Button ปุ่มปิดเปิดเครื่อง กดปิดต้องล็อคหน้าจอ กดติดทุกครั้งห้ามหลวม
Ring/Silent switch ปุ่มปิดเสียง ทดสอบเลยนะครับต้องปิดได้จริง
Volume Buttons ปุ่มปรับระดับเสียง กด + เป็น + / กด – เป็น – ห้ามสลับกัน
Home Button ปุ่มโฮมสำคัญเลยกด 10 ครั้ง ต้องติด 10 ครั้ง 
หน้าจอ : สำหรับหน้าจอนั้นเคยมีปัญหาใน iPhone 4S เรื่องฝุ่น (กระจกด้านใน) ไม่สามารถเช็ดออกได้ ใน iPhone 5 ก็ต้องดูเช่นกัน รวมไปถึงรอยขีดข่วนบนหน้าจอด้วย และก็ไม่มีบุบหรือบุ๋มลงไป 
 
กล้อง : ดูภายนอกแล้วต้องไม่มีรอยขีดข่วนบนเลนส์ และแนบสนิด ตรวจสอบทั้งกล้องหน้าและหลังเลยนะครับ ดูเลยไปถึง Flash ด้วยดวงไฟต้องไม่มีรอยเช่นกัน
หูฟัง Earpods : หูฟังรุ่นใหม่ที่ทางแอปเปิ้ลออกแบบมารูปร่างหน้าตาจะเป็นแบบตามภาพนะครับ ใครได้รุ่นเก่าอย่างรับเครื่องมาเด็ดขาด เมื่อได้มาให้แกะออกมาทดสอบด้วยนะครับอย่างทดสอบแต่ตัวเครื่อง ข้อต่อสายต้องแน่น ปุ่มปรับระดับเสียงต้องใช้งานได้ (ไม่สลับด้านกัน) ไมค์ต้องใช้งานได้เป็นอย่างดี (ทดสอบโทรออกพูดคุยด้วยนะครับ)
คีย์บอร์ด : หำหรับ iPhone 5 มีเรื่องที่จะต้องตรวจสอบเพิ่มนิดหน่อยคือ Keyboard เกิดปัญหาเส้นขีดหรือที่เรียกว่า Keyboard Glitches หากเจอแบบนี้เปลี่ยนสถานเดียวครับ
4. ตรวจสอบแถบความชื้น : ถึงจะเป็น iPhone 5 เครื่องศูนย์อย่าง Truemove H , AIS , DTAC , iStudio ก็ต้องตรวจสอบเรื่องความชื้นให้ดี หากออกมาจากสูนย์แล้วมันจะคุยกันยาก เพราะเค้าไม่รับประกันเลย (หลุดประกัน) และสำหรับแถบวัดความชื้น iPhone 5 ได้เปลี่ยนตำแหน่งไปอยู่ในช่องถาดซิมนะครับ ** หากมีสีแดงขึ้นตามภาพให้เปลี่ยนเครื่องนะครับ
5. Model – Serial No – IMEI iPhone 5 : ตรวจสอบ รหัสเครื่อง (Serial No), อีมี่ (IMEI), เลขโมเดล Model ให้ตรงกันทั้งบนกล่องและบนตัวเครื่อง เลขทั้ง 3 ชุดต้องตรงกันนะครับหากไม่ตรงกันนี่เปลี่ยนสถานเดียว หรือซื้อจาก MBK หรือร้านด้านนอกก็ขอไม่รับเครื่องและเรียกเงินคืนครับ วิธีการดูค่าดังกล่าวบน iPhone 5 ให้เลือกGeneral > About ครับ 
6. ตรวจสอบประกันเครื่อง iPhone 5 : การตรวจสอบประกันนั้น สำคัญมากหากเป็นการซื้อเครื่องมือ 2 เพราะเป็นปัจจัยในการกำหนดราคาด้วย และหากเป็นเครื่องศูนย์ก็ต้องดูเช่นกันครับ เครื่องใหม่จริงๆ ไม่ผ่านมือใครต้องยังไม่มีการเปิดประกัน (ลงทะเบียน) เพื่อความมันใจระหว่างทดสอบเครื่องให้เราทำการลงทะเบียนเลยครับ การตรวจสอบประกันให้เข้าไปที่ https://selfsolve.apple.com/agreementWarrantyDynamic.do หรือ http://goo.gl/ylbl จากนั้นนำSerial Number ที่ได้จากข้อ 4. ไปใส่แล้วกด Continue ก็จะดูวันสิ้นสุดประกันได้แล้วครับ
7. ตรวจสอบ Hot Pixel, Dead Pixel : ตรวจสอบหาจุดบอดในหน้าจอหรือไม่ โดยเปิด Browser Safari ใน iPhone 5 (ต่อ internet ด้วยนะ) และเข้าไปที่ http://iphonedpt.awardspace.com จะพบปุ่มสีบนหน้าจอทั้งหมด 5 สี ดำ น้ำเงิน แดง เขียว เหลือง ดูให้ครงทุดสีนะครับอย่างให้มี จุดดำ หรือ จุดขาว อยู่บนหน้าจอแม้แต่จุดเดียว 
 
8. Gyroscope : ตรวจสอบเซ็นเซอร์โดยทำการติดตั้งแอพพลิเคชั่น Gyroscope (Free) จาก App Store จากนั้นเปิดแอปขึ้นมาทำการทดสอบหมุนหน้าจอไปมาซ้าย-ขวา ขึ้น-ลง ดูว่าทำงานปกติหรือไม่ หรือใครขี้เกียจติดตั้งแอปก็ลองหมุนหน้าจอแนวตั้ง แนวนอนดูว่าหน้าจอตัดการทำงานตามเราหมุนหรือไม่ (อันนี้เป็นการทดสอบ Accelerometer ไปในตัว)
9. ซิมการ์ด SIM : ก่อนอื่นเลยทดสอบถอดซิมเข้าออกดูซัก 3 ครั้งดูว่าจับสัญญาณได้ดีทุกครั้งหรือไม่ โดยจะมีรูปแบบปัญหาดังนี้ (ซิมการ์ดต้องชัวร์ว่าไม่มีปัญหา)
 
NO Sim Card Installed หาซิมไม่เจอ หากใส่ซิมแล้วยังขึ้นคำนี้อยู่ให้ลองดูเครื่องใหม่ครับ
Searching : No Service หาสัญญาณไม่เจอ ไม่มีสัญญาณ หรือจับได้ขีดเดียว อย่าคิดว่าไม่มีปัญหาครับลองตรวจสอบกับอีกเครื่องนึงดูก่อนครับ หรือเปลี่ยนเครื่องไปเลย
10. โทรศัพท์เข้า-ออก & : ทดสอบโทรออกและรับสายเข้า พูดคุยสนทนาดูว่าเสียงดังฟังชัดไหม
11. 3G/Wi-Fi & Bluetooth : ทดสอบ 3G ดูว่าสามารถจับสัญญาณได้หรือป่าว รวมไปถึงการจับสัญญาณ Wi-Fi ด้วยอย่าให้เจออาการติดๆ ดับๆ หรือสัญญาณหาย และอย่างลืมทดสอบ Bluetooth ด้วยละครับ
12. ระบบเสียง : ให้ทำการทดสอบลำโพงของ iPhone 5 ว่าเสียงออกมาเป็นอย่างไรบ้าง ทดสอบเปิดเพลงหรือYoutube เลยครับดูว่าเสียงโอเคใหม่ทดสอบปุ่มปรับระดับเสียงไปในตัวด้วย
13. Personal Hotspot : ตรวจสอบดูการกระจ่ายสัญญาณและการใช้งานว่าฟีเจอร์นี้ทำงานได้ปกติไหมเพราะเมืองนอกเคยเจอปัญหาว่าใช้งานไม่ได้กับเครือข่ายในบางประเทศ ลองแชร์อินเตอร์เน็ต 3G ไปให้มือถืออีกเครื่องนึงดูก็ได้  

มาป้องกัน iPhone และอุปกรณ์ของเราจากอาการ ไฟดูด ไฟช็อต เพื่อให้เรื่องเล็กไม่เป็นเรื่องใหญ่

มาป้องกัน iPhone และอุปกรณ์ของเราจากอาการ ไฟดูด ไฟช็อต เพื่อให้เรื่องเล็กไม่เป็นเรื่องใหญ่

MacStroke.com  มาป้องกัน iPhone และอุปกรณ์ของเราจากอาการ ไฟดูด ไฟช็อต เพื่อให้เรื่องเล็กไม่เป็นเรื่องใหญ่ข่าวของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินสายการบินแห่งหนึ่ง ถูก iPhone 5 ช็อตจนเสียชีวิตขณะที่ชาร์จไฟไป คุยโทรศัพท์ไป ถึงตอนนี้จะยังไม่สามารถสรุปสาเหตุของเรื่องที่เกิดขึ้นได้ แต่พูดถึงเรื่องของไฟฟ้าแล้ว ทุกคนคงทราบดีว่า เป็นเรื่องที่ล้อเล่นไม่ได้ ฉะนั้น เรามาป้องกันตัวเราจากเหตุไม่คาดฝัน และป้องกันไม่ให้อุปกรณ์ Apple เสียหายจากความประมาทเราเช่นกัน

 


ใช้อุปกรณ์เสริมของแท้ที่ได้รับการรับรอง / อุปกรณ์เสริมที่มีคุณภาพ

MacStroke.com  มาป้องกัน iPhone และอุปกรณ์ของเราจากอาการ ไฟดูด ไฟช็อต เพื่อให้เรื่องเล็กไม่เป็นเรื่องใหญ่

เรื่อของไฟฟ้าเป็นเรื่องที่ล้อเล่นกันไม่ได้ สายชาร์จ หัวปลั๊ก ที่ใช้กับ iPhone / iPad / iPod หรือ Mac ควรเป็นของแท้โดยตรงจาก Apple หรือจากผู้ผลิตที่ได้รับมาตราฐานรับรอง ถึงราคาอาจจะสูงไปสักนิด แต่มันคงไม่ดีแน่ ถ้า iPhone / iPad / iPod หรือ Mac ของเรา เสียหายเพราะอุปกรณ์เสริมราคาถูกที่ไม่ได้มาตราฐาน ความเสียหายที่เครื่องคงแพงกว่าอย่างคาดไม่ถึงแน่นอน
แบตเตอรีพกพาที่เราใช้กับ iPhone / iPad ของเราก็เช่นกัน แบตเตอรีที่มีวงจรที่ไม่ได้คุณภาพ ถือเป็นความเสี่ยงที่ทำให้ iPhone / iPad ของเรามีโอกาสเกิดการลัดวงจรได้ด้วย
ฉะนั้นแล้ว อย่าประหยัดในเรื่องไม่ควรจะประหยัด ซื้อสาย หัวปลั๊ก แบตเตอรีสำรอง ที่เป็นของแท้ ของมีคุณภาพ หากไม่แน่ใจ ขอให้ซื้อกับตัวแทนจำหน่ายสินค้า Apple อย่างเป็นทางการ หรือใน Apple Online Store ได้เช่นกัน


“อันตราย หากไม่ติดตั้งสายดิน”

MacStroke.com  มาป้องกัน iPhone และอุปกรณ์ของเราจากอาการ ไฟดูด ไฟช็อต เพื่อให้เรื่องเล็กไม่เป็นเรื่องใหญ่

วลีที่เป็นหัวข้อเรื่องนี้ หลายคนคงเคยเห็นจากเครื่องทำน้ำอุ่น ที่ชอบระบุให้เราติดตั้งสายดินคู่การใช้งานด้วย สายดินถือเป็นสิ่งสำคัญกับระบบไฟฟ้าทุกสถานที่ เพราะสายดินทำให้ไฟฟ้าส่วนเกินในระบบ ไหลออกไปที่โครงสร้างอาคารอันไม่เป็นตัวนำกระแสไฟฟ้า ทำให้ผู้ใช้งานลดความเสี่ยงที่จะถูกไฟดูดได้
ร่างกายคนเรา ถือเป็นสื่อนำไฟฟ้าอย่างดี ฉะนั้นแล้ว ถ้าร่างกายเปียก ชื้น ขอให้เลี่ยงการสัมผัสกับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่กำลังทำงานอยู่ทุกประเภท เพื่อลดความเสี่ยงไฟฟ้าดูดทุกกรณี หรืออย่างง่ายสุด ควรหารองเท้าแบบใส่เดินในบ้าน เพื่อเป็นฉนวนกันไฟฟ้าอย่างง่าย
ถึงปลั้กและสายชาร์จของแท้ จะออกแบบมาอย่างมีความปลอดภัย ป้องกันได้ระดับหนึ่ง แต่หากระบบไฟในบ้าน-อาคาร ไม่ได้เดินสายดินไว้ ความเสี่ยงที่เราจะถูกไฟฟ้าดูด หรือไฟฟ้าลัดวงจรกับอุปกรณ์ที่เราใช้ มีโอกาสเกิดขึ้นได้หมด ฉะนั้นแล้ว ควรติดตั้งสายดินในระบบไฟในบ้าน เพื่อความปลอดภัยในการใช้งานองค์รวมทั้งหมด

 


งดใช้ทันทีหากพบความผิดปกติ

MacStroke.com  มาป้องกัน iPhone และอุปกรณ์ของเราจากอาการ ไฟดูด ไฟช็อต เพื่อให้เรื่องเล็กไม่เป็นเรื่องใหญ่

เคยไหมที่ชาร์จ iPhone / iPad / iPod / Mac แล้วมีเสียง จิ๊ดๆๆ วิ้ดๆๆๆ หรือเสียบชาร์จแล้ว iPhone / iPad / iPod / Mac ของเรา ไม่ไฟดูดตลอดเวลา ก็ทำงานเพี้ยนไปเลย สิ่งเหล่านี้ถือเป็นความผิดปกติที่เกิดขึ้น อาจเพราะเต้ารับหลวมไป ตัวปลั้กมีกระแสไฟที่เดินไม่เรียบ หรือกระแสไฟที่ใช้งานถูกจ่ายมามากเกินไป ฯลฯ
หากสายมีการฉีกขาดจนเห็นไส้ในของสาย ก็ไม่ควรนำอุปกรณ์นั้นมาใช้เช่นกัน จุดที่ฉีกขาด มีโอกาสที่กระแสไฟฟ้าจะรั่วหรือช็อตได้เช่นกัน
ความสมบูรณ์ของอุปกรณ์ที่ใช้ ไม่ว่าจะเต้าเสียบ หัวปลั้ก สาย ควรอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้ทั้งหมด หากชิ้นไหนมีปัญหา ให้งดใช้ทันที


เสียบปลั้กเข้าเต้ารับก่อนทุกครั้ง

MacStroke.com  มาป้องกัน iPhone และอุปกรณ์ของเราจากอาการ ไฟดูด ไฟช็อต เพื่อให้เรื่องเล็กไม่เป็นเรื่องใหญ่
เทคนิคนี้เป็นเทคนิคง่าย ๆ ในการป้องกันไฟกระชากใส่ iPhone / iPad / iPod / Mac ของเรา ให้เอาหัวปลั้กเสียบเข้ากับเต้ารับก่อนเสียบสายเข้าอุปกรณ์ของเรา การทำแบบนี้ ไฟที่เกินมา จะไม่วิ่งเข้าอุปกรณ์เราทันที หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน อย่างมากแค่เสียหัวปลั้กอย่างเดียว แน่นอนว่า หัวปลั๊กเสีย ซื้อใหม่มาใช้ ถูกกว่าการที่เสียทั้งหัวปลั้กและเครื่องแน่นอน


ชาร์จแบตเตอรี่ = พักผ่อน

MacStroke.com  มาป้องกัน iPhone และอุปกรณ์ของเราจากอาการ ไฟดูด ไฟช็อต เพื่อให้เรื่องเล็กไม่เป็นเรื่องใหญ่
การชาร์จแบตเตอรีให้กับอุปกรณ์ทั้งหลาย ไม่ต่างอะไรกับเวลาพักผ่อนของเครื่อง ผู้ใช้เองควรถือโอกาสนี้ พักผ่อนให้ตัวเองอยู่ห่างจากหน้าจอ แล้วทำกิจกรรมอื่นกันดีกว่า เพราะเกือบทั้งวัน เราก็อยู่กับหน้าจอพวกนี้นานพอสมควรแล้ว ยิ่งกับโทรศัพท์มือถือ ที่มีพื้นที่ภายในเครื่องไม่มาก ถ่ายเทความร้อนได้ไม่ดี การชาร์จไปเล่นไปอาจทำให้อุปกรณ์สะสมความร้อนสูง จนเสี่ยงต่ออันตรายได้ง่ายกว่าคอมพิวเตอร์ที่มีระบบระบายอากาศดี และออกแบบมาให้ชาร์จไปเล่นไปตลอดเวลาอยู่แล้วนั่นเอง

สุดท้ายนี้ การใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหลาย ควรใช้อย่างระมัดระวัง มีสติและไม่ประมาท อุบัติเหตุจะไม่เกิดขึ้น หากเราไม่ประมาทครับ ^^
หากมีคำถามหรือข้อสงสัย สามารถพูดคุยกับทีมงานได้ที่ Facebook.com/MacStroke หรือ Twitter @MacStroke และอย่าลืมกด Like และแชร์บทความดี ๆ แบบนี้ ไปให้คนที่เรารักอ่านกันด้วยนะครับ

คุณสมบัติของไอโฟน 5

คุณสมบัติของไอโฟน 5
สรุปข้อมูล สเปค และดีไซน์ iPhone 5 และคุณสมบัติ ต่างๆ ของตัวเครื่อง พร้อม ราคา ไอโฟน 5 ที่วางจำหน่าย
เมื่อช่วงคืนวันที่ 12 กันยายน ที่ผ่านมาตามเวลาในประเทศไทย ในที่สุด เราก็ได้ทราบกันไปแล้วนะครับว่า iPhone รุ่นล่าสุด หรือ iPhone 5 นั้น มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง ไม่ว่าจะเป็นทางด้านดีไซน์ หรือแม้แต่ฟังก์ชั่นต่างๆของตัวเครื่อง ทาง Apple ก็ได้มีการงัดออกมาโชว์กันอย่างเต็มที่ แต่สำหรับใครที่พลาดการรายงานสด หรือพลาดการติดตามอัพเดต ข่าวสารในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา ก็ไม่เป็นไรครับ ทีมงาน Thaimobilecenter ได้มีการรวบรวมเอา ข้อมูลทั้งหมด ที่เกี่ยวข้องกับ iPhone 5 มาไว้ให้อ่านกันแบบรวดเดียวจบ ซึ่ง iPhone 5 จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างนั้น ลองมาชมกันเลยดีกว่าครับ
ข้อมูลเกี่ยวกับ ดีไซน์ และ วัสดุ ที่ใช้บน iPhone 5
สำหรับ iPhone 5 นั้นมีการเปลี่ยนแปลง ทางด้าน ดีไซน์ ในหลายๆส่วน ไม่ว่าจะเป็นรูปทรงของตัวเครื่องที่ดูยาวขึ้น เนื่องจากเปลี่ยนมาใช้หน้าจอแบบ Wide-Screen ขนาด 4 นิ้ว รวมถึงมีการย้ายตำแหน่ง ช่องเสียบหูฟัง และ ปรับเปลี่ยน พอร์ต เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ และชาร์จไฟให้มีขนาดเล็กลงอีกด้วย เราลองมาดูกันครับว่า แต่ละส่วนนั้น มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง
ขนาดหน้าจอ และ Resolution ของ iPhone 5
สำหรับ ขนาดหน้าจอของ iPhone 5 นั้นจะอยู่ที่ 4 นิ้ว ซึ่งในรุ่นก่อนหน้า ทั้ง iPhone 4S และ iPhone 4 จะมีขนาดหน้าจออยู่ที่ ประมาณ 3.5 นิ้ว โดยบน iPhone 5 นั้นจะมีความละเอียดของหน้าจออยู่ที่ 1136x640 พิกเซล แอพพลิเคชั่นหลายตัวจาก Apple ได้มีการปรับปรุง ให้สามารถรองรับกับหน้าจอ 4 นิ้วได้อย่างสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
วัสดุที่ใช้บน iPhone 5
ตัวเครื่อง iPhone 5 นั้นได้มีการออกแบบ ใหม่ โดยใช้วัสดุ Anodized Aluminum แบบเดียวกันกับที่ ด้านหลังของ iPad หรือ ตัวเครื่องของ Macbook นั่นเองครับ โดยให้ความรู้สึกแข็งแรงทนทานมากขึ้นกว่าเดิม
Dock Connector มีขนาดเล็กลง
ท่านใดที่เคยใช้ iPhone, iPod Touch หรือ iPad ก็คงจะคุ้นหน้าคุ้นตา กับสายชาร์จ แบบ 30-Pin เป็นอย่างดี แต่ล่าสุดใน iPhone 5 นั้น ทางแอปเปิ้ลได้มีการเปลี่ยนพอร์ต Dock Connector ให้มีขนาดเล็กลงกว่าเดิมมากพอสมควร ซึ่งขนาดจริงๆนั้น เล็กกว่า แบบก่อนหน้าถึง 70% เลยทีเดียว
ย้ายช่องต่อหูฟัง ไปไว้ที่ด้านล่าง
นอกจากนี้ บน iPhone 5 ยังมีการย้าย ช่องต่อหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร จากที่เคยอยู่ด้านบน ใน iPhone 4 และ iPhone 4S ก็ถูกย้ายมาไว้ด้านล่าง ซึ่งด้านบนนั้นก็จะเหลือเพียงปุ่มสำหรับเปิด-ปิดเครื่อง (On/Off) เท่านั้น
ขนาดของตัวเครื่อง
สำหรับ ขนาดของตัวเครื่อง iPhone 5 นั้น จะมีความบางเพียง 7.6 มิลลิเมตร และหนักเพียง 112 กรัม ซึ่งเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ก็ถือว่าบางกว่ากันอยูพอสมควร
เปลี่ยนไปใช้ Nano SIM
หลังจากที่ Apple (แอปเปิ้ล) ได้พยายามบุกเบิก ให้ สมาร์ทโฟน ของตัวเองใช้ microSIM ล่าสุด ทาง Apple (แอปเปิ้ล) ก็พยายามที่จะนำเอา Nano SIM มาใช้ใน iPhone 5 อีกครั้ง ซึ่ง Nano SIM นั้นถือว่ามีขนาดเล็กลงจากเดิมอีกพอสมควร หรือเรียกง่ายๆ ว่า ตัดขอบพลาสติกเดิมที่เหลือจาก microSIM ทิ้งออกไปหมดนั่นเอง
สเปค และ ฮาร์ดแวร์
อีกหนึ่งเรื่องที่มีความสำคัญไม่แพ้ส่วนอื่นๆ นั่นก็คือ สเปค ของ iPhone 5 นั่นเองครับ ซึ่งสเปค ของ iPhone 5 นั้นถือว่ามีการปรับปรุงจากเดิมอยู่พอสมควร โดยเฉพาะการเปลี่ยนไปใช้ หน่วยประมวลผลแบบ Quad-Core Processor เราลองมาดูกันนะครับว่า สเปคของ iPhone 5 นั้นมีส่วนใดที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง
หน่วยประมวลผล Apple A6 
หลังจากที่ เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทางแอปเปิ้ลได้ใส่ หน่วยประมวลผล Apple A5X ลงไปใน The New iPad แต่ Apple A5X นั้น ยังคงเป็นหน่วยประมวลผลแบบ Dual-Core เช่นเดียวกันกับบน iPhone 4S แต่ในด้านของหน่วยประมวลผลกราฟฟิคนั้น จะเป็น Quad-Core ซึ่งสำหรับ ใน iPhone 5 นั้น แหล่งข่าวได้คาดการณ์เอาไว้ว่า น่าจะใช้หน่วยประมวลผล Apple A6 ซึ่ง Timcook ได้ Present ว่ามีความเร้วกว่า iPhone 4s ถึง 2 เท่าครับ
หน่วยความจำ RAM 1GB
สำหรับใน iPhone 4S นั้น ทางแอปเปิ้ลได้ใส่ หน่วยความจำ RAM ไว้ที่ 512 MB และปรับเพิ่มเป็น 1 GB บน The new iPad ที่เพิ่งวางจำหน่ายในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งมีความเป็นไปได้สูง ว่าแอปเปิ้ล น่าจะใส่ หน่วยความจำขนาด 1 GB ให้กับ iPhone 5 ด้วยเช่นกัน
ความละเอียดของกล้องบน iPhone 5
สำหรับ iPhone 5 นั้นยังคงใช้กล้อง ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ที่สามารถถ่ายวีดีโอระดับ 1080p แบบเดียวกันกับที่ใช้บน iPhone 4S ส่วนกล้องด้านหน้านั้น สามารถถ่ายวีดีโอได้ในระดับ HD หรือ 720p นั่นเองครับ
รองรับการถ่ายภาพ แบบ Panorama
สำหรับ บน iPhone 5 นั้น คุณสามารถถ่ายภาพแบบ Panorama ได้จากฟังก์ชั่นของตัวเครื่องโดยตรง ซึ่งความสามารถนี้ จะใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ บน iPhone 5 และฟังก์ชั่นนี้ มาพร้อมกับ iOS 6 นั่นเองครับ
รองรับการเชื่อมต่อแบบ 4G LTE
iPhone 5 นั้น รองรับการเชื่อมต่อ แบบ 4G LTE ซึ่งถือเป็นการเชื่อมต่อที่ มีความเร็ว สูงที่สุดในปัจจุบัน แต่ยังมีไม่กี่ประเทศ ที่พร้อมสำหรับการให้บริการ 4G LTE อย่างเต็มรูปแบบ
แบตเตอรี่ มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น
เนื่องจากตัวเครื่องมีขนาดที่ยาวขึ้น จึงทำให้เหลือพื้นที่เพิ่มขึ้น อีกเล็กน้อย ที่จะขยายขนาดของแบตเตอรี่ให้มากขึ้น จึงทำให้ iPhone 5 นั้น มีระยะเวลาการใช้งานแบตเตอร์รี่ ได้ยาวนานขึ้นกว่าเดิมอีกพอสมควร
ชุดหูฟังแบบใหม่บน iPhone 5
อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันนั่นก็คือ ชุดหูฟัง ถูกปรับปรุงใหม่ทั้งหมด ซึ่งจุดเด่นก็คงจะอยู่ที่ ดีไซน์ที่เปลี่ยนไป รวมถึง คุณภาพของเสียงที่ถูกพัฒนาขึ้นมาจากรุ่นก่อน และการออกแบบมาให้เข้ากับ หู ของทุกคน เมื่อใส่จะรู้สึกพอดี ไม่ว่า หูของคุณจะมีขนาดเป็นอย่างไร
ไมโครโฟน 3 ตัว
บนตัวเครื่อง iPhone 5 นั้นมี ไมโครโฟน อยู่บนตัวเครื่องถึง 3 ตัว ช่วยในเรื่องของความคมชัด ของเสียงระหว่างสนทนา และการใช้ Voice Command อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น Siri หรือ Dictation อีกทั้งยังมีฟังก์ชั่น การตัดเสียงรบกวน สำหรับ หูฟังสนทนาอีกด้วย
ระบบปฏิบัติการ และ แอพพลิเคชั่น
สำหรับบน iPhone 5 นั้นจะใช้ระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง iOS 6 ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของ ฟังชั่นต่างๆ รวมไปถึงมีการถอดแอพพลิเคชั่นบางตัวออกไปด้วย เรามาดูรายละเอียดเกี่ยวกับ iOS 6 กันเลยดีกว่า
ความสามารถที่เพิ่มขึ้นของ Siri
สิริ (Siri) สามารถใช้่งาน เพิ่มเติมได้อีกหลายภาษา แต่ก็ยังคงไม่มีภาษาไทย นอกจากนี้ สิริ (Siri) เอง ยังได้ถูกเพิ่มความสามารถในการเข้าใจคำสั่งต่างๆ ได้มากขึ้นอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น การถามรอบหนัง หรือการถามข้อมูล ผลการแข่งขันต่างๆ
แอพพลิเคชั่นใหม่ Apple Map และ ถอด Google Map ออก
สำหรับ Apple Map นั้นจะสามารถใช้ร่วมกับ GPS เพื่อเป็นแอพพลิเคชั่นสำหรับการนำทางแบบ Turn-By-Turn ได้ และยังสามารถดูแผนที่ แบบ 3 มิติ (3D) ได้ด้วย (เฉพาะแผนที่ในบางประเทศ ยังไม่สามารถดูได้อย่างสมบูรณ์ในประเทศไทย)
Facebook บน iOS 6
หลังจากที่ iOS 5 ที่ผ่านมา ทางแอปเปิ้ลได้จับเอา Twitter มาเป็นส่วนหนึ่งของฟังก์ชั่นบน iOS ล่าสุด ทางแอปเปิ้ลก็ได้นำเอา Facebook เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของฟังก์ชั่น บน iOS 6 เป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วยเช่นกัน
แอพพลิเคชั่นใหม่ Passbook
แอพพลิเคชั่นที่จะช่วยอำนวยความสะดวก ในการ เช็คอิน หรือไว้สำหรับสแกน Border Pass หรือชำระเงินตามร้านค้าต่างๆ ที่รองรับ ที่เน้นในส่วนของ การใช้งาน 2D Barcode เพราะคุณสามารถรวบรวมข้อมูลต่างๆ ไว้ในที่เดียว
iOS 6 จะไม่มีแอพพลิเคชั่น Youtube
ล่าสุดทาง Apple ได้มีการถอดแอพพลิเคชั่น Youtube ออกเนื่องจากเหตุผลเกี่ยวกับเรื่องสัญญา ที่หมดลง แต่ผู้ใช้ยังคงสามารถชมวิดีโอ Youtube ผ่านการเข้าด้วย Browser ได้ตามปกติ
ใช้งาน Facetime ผ่านเครือข่าย 3G
หลายๆ คนกำลังรอคอยว่า เมื่อไหร่ ทาง Apple จะเปิดให้ใช้งาน Facetime ผ่าน เครือข่ายโทรศัพท์มือถือได้เสียที และล่าสุด ก็สามารถทำได้แล้วบน iOS 6
และนี่ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งจาก อีกหลายฟังก์ชั่นที่เพิ่มขึ้นมาใน iOS 6 ซึ่งนอกจากจะมีการเปลี่ยนแปลงดังที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว ยังมีการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ไม่เว้นแม้แต่แอพพลิเคชั่น Phone ที่ใช้สำหรับโทรเข้า-ออก กันเลยทีเดียว และนอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนแปลงอินเทอร์เฟส เล็กๆ น้อยๆ อีกหลายจุดด้วยเช่นกัน
ราคา iPhone 5 (ราคา ไอโฟน 5)
สำหรับราคาเปิดตัว ของ iPhone 5 นั้น เป็นราคาเดียวกันกับตอนที่เปิดตัว iPhone 4S นั่นเองครับ โดยเมื่อเทียบราคา จากเว็บไซต์ ที่กำลังจะวางจำหน่ายอย่าง ฮ่องกง หรือ สิงคโปร์ นั้น ราคา โดยประมาณ จะเริ่มต้นที่ 23,000 บาท สำหรับ iPhone 5 ความจุ 16 GB 
วันวางจำหน่าย iPhone 5 ในไทย
สำหรับ วันวางจำหน่าย iPhone 5 ในประเทศไทยนั้น ยังไม่มีการระบุอย่างเป็นทางการ โดยในวันที่ 21 กันยายนนั้น จะมีการเปิดวางจำหน่าย ในกลุ่มประเทศแรก นั่นก็คือ อเมริกา,แคนาดา,อังกฤษ,ฝรั่งเศษ,เยอรมัน,ออสเตรเลีย,ญี่ปุ่น,ฮ่องกง และ สิงคโปร์
ตารางเปรียบเทียบ สเปค ระหว่าง iPhone 5 และ iPhone 4S